รวมแบบ “บูธไม้สำเร็จรูป” ที่ประกอบง่ายภายใน 10 นาที
บูธไม้สำเร็จรูป (Wooden Modular Booth) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมากในงานแฟร์ งานออกร้านในห้าง งาน Pop-up Store รวมถึงตลาดนัดกลางแจ้ง เพราะตอบโจทย์พ่อค้าแม่ค้าและแบรนด์ที่ต้องการบูธสวย ๆ แต่ไม่อยากเสียเวลาในการประกอบ ใช้เพียงเวลา 5–10 นาที ก็สามารถตั้งบูธได้ครบชุด พร้อมวางสินค้าและตกแต่งต่อได้ทันที
บทความนี้รวบรวมแบบบูธไม้สำเร็จรูปที่ประกอบง่ายที่สุด พร้อมรายละเอียด จุดเด่น และประเภทร้านค้าที่เหมาะกับแต่ละแบบ
1. บูธไม้โต๊ะสำเร็จรูป (Folding Table Booth)
จุดเด่น
-
ใช้เวลาเพียง 1–2 นาทีในการกางโต๊ะ
-
น้ำหนักเบา พกพาสะดวก
-
เหมาะกับพื้นที่แคบ
-
สามารถใช้ผ้าคลุมโต๊ะหรือวางป้ายได้ง่าย
เหมาะกับสินค้า
-
เบเกอรี่
-
ขนมโฮมเมด
-
ของทำมือ
-
เครื่องประดับเล็กๆ
-
ร้านไซส์เล็กที่เพิ่งเริ่มขาย
เหมาะมากสำหรับมือใหม่ เพราะราคาประหยัดและประกอบง่ายที่สุดในบรรดาบูธทั้งหมด
2. บูธไม้พร้อมชั้นวาง 2–3 ชั้น (Display Shelf Booth)
เอกลักษณ์
-
มีชั้นวางหลายระดับ
-
โชว์สินค้าได้เยอะและเป็นระเบียบ
-
ประกอบแบบเสียบล็อก ไม่ต้องใช้สกรู
-
ใช้เวลาเพียง 5–7 นาที
เหมาะกับสินค้า
-
สกินแคร์
-
งานคราฟต์
-
ของตกแต่งบ้าน
-
ขนมบรรจุกล่อง
-
เทียนหอม เครื่องหอม
ข้อดีคือ: ทำให้สินค้าดูมีระดับ ไม่ดูแน่นหรือรก
3. บูธไม้หลังคาญี่ปุ่นสำเร็จรูป (Japanese Pop-up Booth)
ทำไมแบบนี้ถึงฮิตมาก?
-
รูปทรงสวย โดดเด่นในงาน
-
ถ่ายรูปสวยมาก
-
ให้ความรู้สึกมินิมอล–อบอุ่น
-
ใช้เวลาเพียง 10 นาทีในการประกอบ
-
เหมาะกับร้านกาแฟและเบเกอรี่โดยเฉพาะ
รูปแบบยอดนิยม
-
หลังคาผ้าใบสีครีม
-
โครงไม้สน
-
ไฟ Warm Light ส่องให้โลโก้เด่น
เหมาะกับสินค้า:
กาแฟ, ชา, เบเกอรี่, น้ำผลไม้, ของกินสวย ๆ
4. บูธไม้สไตล์บ้านญี่ปุ่น (Japanese House Booth)
จุดเด่น
-
มีหลังคาทรงบ้าน (จั่ว) ตกแต่งสวยงาม
-
สร้างบรรยากาศคล้ายร้านคาเฟ่ย่อส่วน
-
ประกอบเป็นชิ้นๆ ใช้เวลาไม่เกิน 10–12 นาที
-
เพิ่มความโดดเด่นในงานแฟร์
เหมาะกับสินค้า
-
กาแฟ specialty
-
เบเกอรี่สไตล์ญี่ปุ่น
-
งานคราฟต์แบบ Minimal
-
ร้านขนมหวาน
เป็นแบบที่ลูกค้ามักหยุดถ่ายรูป ทำให้บูธดึงคนเข้ามาได้มากกว่าบูธทั่วไป
5. บูธไม้โครงเหล็ก (Wood + Steel Hybrid Booth)
ลักษณะของแบบนี้
-
ใช้โครงเหล็กสีดำ + ไม้สนหรือไม้ยางพารา
-
ประกอบด้วยระบบขันน็อตน้อยมาก
-
แข็งแรงสุดในบรรดาบูธพกพา
-
ใส่ชั้นเพิ่มหรือแขวนไฟได้ง่าย
เหมาะกับสินค้า
-
เสื้อผ้า
-
กระเป๋า
-
เครื่องประดับแฟชั่น
-
แบรนด์สกินแคร์แบบพรีเมียม
-
ขนมที่มีน้ำหนักมาก
ถ้าใครต้องการบูธ “สวย + ทน + ดูโปร” แบบนี้ตอบโจทย์ที่สุด
6. บูธไม้แบบโมดูลาร์ (Modular Click-Lock System)
จุดเด่นพิเศษ
-
ประกอบโดยการ “คลิกเข้าล็อก” เหมือนเฟอร์นิเจอร์ IKEA
-
ถอด–ประกอบซ้ำได้หลายครั้งโดยไม่เสียรูป
-
รองรับชั้นวาง, ป้ายไฟ, ไฟ LED Strip
-
ใช้เวลาไม่เกิน 10–15 นาที
เหมาะกับใคร
-
ร้านที่ออกบูธบ่อย
-
แบรนด์ใหญ่ที่ต้องการภาพลักษณ์มืออาชีพ
-
ธุรกิจที่ต้องการโครงสร้างแข็งแรงมาก
7. บูธไม้แบบเคาน์เตอร์หน้า (Front Counter Booth)
จุดเด่น
-
มีเคาน์เตอร์หน้าแบบกล่องไม้
-
พับเก็บได้เป็นแผ่น
-
เหมาะกับงานที่ต้องรับออเดอร์เร็ว
-
มีพื้นที่โชว์โลโก้ขนาดใหญ่
เหมาะกับสินค้า
-
ร้านกาแฟ
-
งานอาหารพร้อมเสิร์ฟ
-
ร้านเครื่องดื่ม
-
ร้านขนม
8. บูธไม้แบบมี Backdrop สำเร็จรูป
ข้อดีใหญ่ของแบบนี้
-
โลโก้ร้านเด่นมาก
-
ใช้เป็นฉากหลังถ่ายรูปได้
-
แบรนด์ดูมืออาชีพ
-
ปรับเปลี่ยนป้ายได้ง่าย (Magnetic / Velcro)
โครงสร้าง
-
Backdrop เป็นแผงไม้หรือไม้อัด
-
โครงด้านหน้าเป็นชั้นหรือเคาน์เตอร์
-
ใช้เวลาประกอบ 8–12 นาที
เหมาะกับ:
แบรนด์ที่เน้นภาพลักษณ์ เช่น สกินแคร์, เครื่องสำอาง, เสื้อผ้า, เบเกอรี่พรีเมียม
9. ราคาโดยประมาณของบูธไม้สำเร็จรูป
-
โต๊ะไม้สำเร็จรูป: 1,500 – 3,500 บาท
-
ชั้นวางไม้พับได้: 2,500 – 6,500 บาท
-
บูธหลังคาญี่ปุ่น: 4,000 – 10,000 บาท
-
บูธบ้านญี่ปุ่น: 6,000 – 15,000 บาท
-
บูธโครงเหล็ก: 6,000 – 12,000 บาท
-
บูธโมดูลาร์: 10,000 – 20,000 บาท
10. ข้อดีที่ทำให้บูธไม้สำเร็จรูปได้รับความนิยมสูง
✔ ประกอบง่ายภายใน 10 นาที
✔ น้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวก
✔ ภาพลักษณ์สวย ดูอบอุ่น
✔ เหมาะกับสินค้าแทบทุกประเภท
✔ ใช้ได้ซ้ำ คุ้มค่าในระยะยาว
✔ เพิ่มความเป็นมืออาชีพในงานแฟร์
บูธไม้สำเร็จรูปจึงเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งของผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว ความคล่องตัว และความสวยงามในงานออกร้านยุคใหม่
