บริการเช่าบูธไม้ vs รับทำใหม่: เลือกแบบไหนดี?
การออกงานแฟร์ งานอีเวนต์ หรืองานตลาดนัดในยุคนี้ บูธไม้ถือเป็นตัวเลือกยอดนิยมเพราะให้ภาพลักษณ์ที่อบอุ่น สวยงาม และเหมาะกับสินค้าแทบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ เบเกอรี่ แฟชั่น สกินแคร์ หรือสินค้างานคราฟต์ แต่ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยมีคำถามว่า “ควรเช่าบูธไม้ หรือสั่งทำใหม่เลยดี?”
ทั้งสองแบบมีข้อดีต่างกัน และเหมาะกับสถานการณ์คนละแบบ บทความนี้จะพาคุณวิเคราะห์แบบละเอียด เพื่อให้คุณเลือกตัวเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะกับร้านของคุณมากที่สุด
1. เปรียบเทียบแบบสรุป: เช่า vs ทำใหม่
| ประเภท | บริการเช่า | สั่งทำใหม่ |
|---|---|---|
| ราคาเริ่มต้น | ต่ำกว่า | สูงกว่า |
| ภาพลักษณ์เฉพาะแบรนด์ | ปานกลาง | ทำได้ 100% |
| ความแข็งแรง | มาตรฐาน | ปรับได้ตามต้องการ |
| ความยืดหยุ่น | จำกัดรูปแบบ | ออกแบบได้ทั้งหมด |
| เหมาะสำหรับ | ออกงานนาน ๆ ครั้ง | ออกงานบ่อย หรือมีร้านประจำ |
| ค่าใช้จ่ายระยะยาว | มากกว่า หากเช่าบ่อย | คุ้มค่ามาก หากใช้ซ้ำ |
2. ข้อดีของการเช่าบูธไม้
การเช่าบูธไม้เหมาะกับผู้ที่ “เพิ่งเริ่มต้น” หรือ “ต้องการความสะดวก” เพราะมีข้อดีดังนี้:
2.1 ประหยัดงบเริ่มต้น
ค่าเช่าบูธไม้ทั่วไปอยู่ที่
800 – 2,500 บาท/วัน
เหมาะมากสำหรับผู้เริ่มต้นและยังไม่อยากลงทุนสูงในตอนแรก
2.2 ไม่ต้องเก็บ ไม่ต้องขนเอง
บริษัทเช่าบูธมักมีบริการ
✔ ส่ง
✔ ติดตั้ง
✔ รื้อถอน
เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีรถขนของ
2.3 มีแบบให้เลือกเยอะ
ไม่ต้องห่วงเรื่องดีไซน์ เพราะมีบูธหลายแบบ เช่น
-
บูธญี่ปุ่น
-
บูธหลังคา
-
บูธชั้นวาง
-
บูธโครงเหล็ก+ไม้
เลือกได้ตาม Mood & Tone ของสินค้า
2.4 เหมาะสำหรับงานสั้น 1–3 วัน
ถ้าไปออกงานเฉพาะครั้ง หรืองานเดียวจบ เช่า = คุ้มที่สุด
3. ข้อเสียของการเช่าบูธไม้
แม้จะสะดวก แต่ก็มีข้อจำกัด
3.1 ปรับแต่งได้น้อย
บูธเช่าเป็นแบบมาตรฐาน เปลี่ยนขนาดหรือดีไซน์ไม่ได้มาก
โลโก้บางครั้งติดได้แค่ป้ายแขวน
3.2 ค่าเช่ารวมหลายครั้งแพงกว่าซื้อ
ถ้าเช่าเดือนละ 1–2 ครั้ง ค่าเช่า 1 ปีอาจรวมเกิน
10,000 – 20,000 บาท
ซึ่งสามารถซื้อบูธใหม่ได้เลย
3.3 บางครั้งมีรอยหรือเก่า
บูธเช่าใช้หลายงาน อาจมีรอยขีดข่วนเล็กน้อย ซึ่งอาจกระทบภาพลักษณ์ของแบรนด์บางประเภท
4. ข้อดีของการสั่งทำบูธไม้ใหม่
สั่งทำใหม่เหมาะสำหรับร้านที่ต้องการภาพลักษณ์ชัดเจนและใช้บูธระยะยาว
4.1 ออกแบบได้ 100% ตามแบรนด์
เลือกได้ทั้งหมด เช่น
-
ขนาด
-
วัสดุ
-
สี
-
ชั้นวาง
-
ระบบพับเก็บ
-
หลังคา
-
จุดติดไฟ
-
ป้ายโลโก้
เหมาะกับแบรนด์ที่ต้องการเอกลักษณ์ เช่น สกินแคร์หรือกาแฟพรีเมียม
4.2 แข็งแรงกว่า ใช้งานได้หลายปี
บูธทำใหม่ตั้งใจเลือกวัสดุและความทนทานได้ เช่น
-
ไม้ยางพารา
-
ไม้สนหนา
-
โครงเหล็กร่วมกับไม้
ใช้ซ้ำได้ยาว 2–5 ปี
4.3 คุ้มค่าระยะยาว
บูธ 6,000–12,000 บาท ใช้ได้หลายสิบงาน
เฉลี่ยต้นทุนต่อครั้ง = ถูกกว่าเช่ามาก
4.4 เหมาะกับร้านที่ออกงานบ่อย
ถ้าออกงาน
✔ เดือนละ 2 ครั้งขึ้นไป
✔ เจอแฟนคลับบ่อย
✔ ต้องการประจำพื้นที่
บูธทำใหม่ตอบโจทย์ที่สุด
5. ข้อเสียของการสั่งทำบูธไม้ใหม่
5.1 ต้องลงทุนครั้งแรกสูงกว่า
งบประมาณเริ่มต้นประมาณ
4,000 – 12,000 บาท
ขึ้นอยู่กับดีไซน์
5.2 ต้องมีที่เก็บบูธ
ถ้าไม่มีห้องเก็บของ อาจไม่สะดวก โดยเฉพาะบูธขนาดใหญ่
5.3 ต้องขนเอง
ถ้าไม่ได้จ้างทีมติดตั้ง ต้องประกอบเอง
(แต่ถ้าเป็นบูธพับเก็บได้ก็ง่ายมาก)
6. ควรเลือกแบบไหนดี? มาดูจากพฤติกรรมของคุณ
เหมาะกับ “เช่าบูธไม้” ถ้า…
✔ ออกงานไม่บ่อย (ปีละ 2–5 ครั้ง)
✔ ยังทดลองขาย
✔ ต้องการความสะดวก
✔ ไม่อยากขนของ
✔ งบน้อย
เหมาะกับ “สั่งทำบูธไม้ใหม่” ถ้า…
✔ ออกงานทุกเดือน
✔ อยากมีภาพลักษณ์เฉพาะตัว
✔ ต้องการความแข็งแรง
✔ ต้องการตัดป้ายโลโก้แบบถาวร
✔ ต้องการบูธที่ใช้นาน 1–3 ปี
7. งบประมาณแบบสรุปให้เลย
✔ เช่าบูธไม้
ราคา: 800–2,500 บาท/วัน
เหมาะกับ: งานชั่วคราว ระยะสั้น
✔ ซื้อบูธไม้สำเร็จรูป
ราคา: 3,000–8,000 บาท
เหมาะกับ: ร้านเริ่มต้น ใช้งานบ่อยปานกลาง
✔ สั่งทำบูธไม้แบบพิเศษ
ราคา: 8,000–20,000 บาท
เหมาะกับ: แบรนด์จริงจัง เครื่องดื่ม แฟชั่น สกินแคร์
8. สรุปสำหรับผู้ประกอบการ
ถ้าเริ่มต้นใหม่ → เช่า
ถ้าลงงานกลาง–ระยะยาว → ซื้อสำเร็จรูป
ถ้าต้องการภาพลักษณ์แบรนด์ → สั่งทำใหม่
การเลือกบูธไม้ไม่ใช่แค่เรื่องงบประมาณ แต่เป็นเรื่องภาพลักษณ์และความสะดวกในการทำงานด้วย เลือกวิธีที่เข้ากับสไตล์ร้านของคุณมากที่สุด จะทำให้บูธในงานแฟร์ดูโดดเด่น น่าเชื่อถือ และช่วยเพิ่มยอดขายได้จริง
