การออกแบบ “บูธไม้” ให้สวย ดึงดูดลูกค้า และใช้งานได้จริง ไม่ได้มีแค่การเลือกสีหรือวางของให้ดูดีเท่านั้น แต่ต้องคิดอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การร่างแบบ เลือกวัสดุ กำหนดโครงสร้าง ไปจนถึงการติดตั้งหน้างาน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักทุกขั้นตอนอย่างละเอียด เพื่อให้เจ้าของร้าน ผู้จัดงาน หรือธุรกิจที่ต้องการออกบูธ สามารถวางแผนได้อย่างมืออาชีพ และลดปัญหาหน้างานได้มากที่สุด


1. เริ่มจากการกำหนด “เป้าหมายของบูธ” ให้ชัดเจน

การออกแบบบูธไม้จะง่ายขึ้นมาก หากรู้ว่าบูธนี้สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร เพราะรูปแบบ สไตล์ และองค์ประกอบภายในจะเปลี่ยนไปตามความต้องการ เช่น

  • ขายสินค้า – ต้องมีพื้นที่วางสินค้า จุดทดลองสินค้า และพื้นที่เก็บของ

  • ให้ข้อมูลหรือให้บริการ – ต้องมีโต๊ะเคาน์เตอร์ พื้นที่นั่ง หรือพื้นที่โชว์ข้อมูล

  • โปรโมตแบรนด์ – ควรเน้นการจัดแสง ป้ายไฟ โลโก้ และการออกแบบที่โดดเด่น

เมื่อกำหนดเป้าหมายได้แล้ว ผู้ออกแบบจะสามารถจัดวาง Layout และฟังก์ชันใช้งานได้เหมาะสมยิ่งขึ้น


2. การวัดพื้นที่หน้างานอย่างละเอียด

ก่อนเริ่มร่างแบบ ต้องรู้ขนาดพื้นที่จริงเสมอ เช่น

  • ความกว้าง × ความลึกของบูธ

  • ความสูงที่อนุญาต (บางงานจำกัดไม่เกิน 2.5–3 เมตร)

  • จุดปลั๊กไฟ ตำแหน่งไฟบนเพดาน

  • พื้นที่วางบูธอยู่บนพื้นแบบไหน (พื้นไม้ พื้นปูน พรม ฯลฯ)

  • ข้อจำกัดของงาน (เช่น ห้ามเจาะพื้น ห้ามตั้งโครงสร้างหนักเกิน)

การวัดพื้นที่ละเอียด ช่วยป้องกันปัญหา “บูธใหญ่เกินพื้นที่” หรือ “วางไฟไม่ได้ตามตำแหน่ง”


3. การร่างแบบเบื้องต้น (Sketch)

ขั้นต่อไปคือการวาดแบบเบื้องต้น หรือ Sketch ซึ่งอาจทำได้ด้วยกระดาษหรือโปรแกรม เช่น Canva / SketchUp / Procreate

สิ่งที่ควรใส่ในแบบเบื้องต้น:

  • โครงสร้างหลัก เช่น เคาน์เตอร์ ชั้นวาง โต๊ะเสริม

  • จุดวางป้ายโลโก้

  • จุดติดตั้งไฟ

  • ตำแหน่งสินค้าที่ต้องโชว์เด่น

  • ทิศทางการเดินของลูกค้า

การร่างแบบช่วยให้เห็นภาพรวม และช่วยประสานงานกับทีมผลิตได้ง่ายขึ้น


4. ทำแบบ 3D (ถ้าต้องการความแม่นยำ)

งานอีเวนต์ใหญ่หรือบูธที่ต้องใช้หลายชิ้นส่วน ควรทำแบบ 3 มิติ เพื่อให้เห็นสัดส่วนจริง สีจริง และตำแหน่งอุปกรณ์ต่าง ๆ แบบชัดเจน

ข้อดีของแบบ 3D:
✔ ลูกค้าเห็นภาพชัดก่อนผลิต
✔ ลดความเสี่ยงงานไม่ตรงแบบ
✔ เช็คตำแหน่งไฟ เงา และจุดขายเด่นได้ดี
✔ ใช้ส่งงานอนุมัติง่ายกว่า


5. เลือกวัสดุไม้ให้เหมาะกับงาน

วัสดุที่นิยมใช้ทำบูธ เช่น

  • ไม้สน

  • ไม้ยาง

  • ไม้ MDF

  • ไม้ OSB

  • ไม้อัด

การเลือกวัสดุควรดูองค์ประกอบ เช่น น้ำหนัก ความแข็งแรง รูปลักษณ์ และงบประมาณ ซึ่งจะมีผลต่อโครงสร้างและการขนส่งในวันติดตั้งด้วย


6. การออกแบบโครงสร้างและประกอบชิ้นส่วน

เมื่อมีแบบชัดเจน มาถึงขั้นตอนการออกแบบโครงสร้างจริง เช่น

  • กำหนดความหนาของไม้

  • เลือกวิธีประกอบ (น็อต, เดือย, โครงเหล็กเสริม)

  • เลือกวิธีเก็บของ เช่น ลิ้นชัก, ประตูสวิง

  • วางตำแหน่งไฟและระบบสายไฟ

เป้าหมายคือ: แข็งแรง, ประกอบง่าย, ขนส่งสะดวก, ปลอดภัย

ทีมผลิตจะทำแบบแปลนละเอียดให้ทั้งขนาด (Dimension) และจุดประกอบทุกจุด


7. ลงงานผลิต (Cutting / Assembly / Painting)

ขั้นตอนนี้คือการผลิตจริงในโรงงาน ทีมช่างจะทำดังนี้:

7.1 ตัดชิ้นไม้ (Cutting)

ตัดแผ่นไม้ตามขนาดแบบ โดยใช้เครื่อง CNC หรือเลื่อย ป้องกันความคลาดเคลื่อน

7.2 ประกอบโครง (Assembly)

ประกอบชิ้นส่วนหลัก เช่น เคาน์เตอร์ กรอบบูธ ชั้นวางสินค้า

7.3 ขัดและทำสี (Finishing)

เลือกสีตามต้องการ เช่น

  • โทนไม้ธรรมชาติ

  • ไม้สีอ่อนสไตล์มินิมอล

  • สีเข้มแบบลอฟท์

  • เคลือบกันน้ำ/กันรอย

งานสีที่ดีจะทำให้บูธดูแพงขึ้นหลายเท่า


8. ตรวจงานก่อนส่ง (QC)

ก่อนยกไปหน้างาน ต้องตรวจเช็คทุกอย่าง เช่น

  • ขนาดถูกต้องหรือไม่

  • สีสวยเรียบไหม

  • โครงแข็งแรงดีหรือไม่

  • ทดสอบการประกอบ-ถอด

  • ทดสอบไฟฟ้าและอุปกรณ์

บูธไม้ที่ประกอบไม่ได้หน้างานจะสร้างความเสียหายอย่างมาก จึงต้อง QC ให้ละเอียดที่สุด


9. แพ็กงานและขนส่ง

เพื่อป้องกันรอยเสียหายในการขนส่ง ควรแพ็กชิ้นส่วนทั้งหมดด้วย

  • พลาสติกกันรอย

  • โฟม

  • กล่อง

  • แยกชิ้นตามรายการ

น้ำหนักของไม้บางชนิดค่อนข้างมาก ควรเลือกทีมขนส่งที่มีประสบการณ์และเครื่องมือยกของหน้างาน


10. ติดตั้งหน้างาน (On-site Installation)

นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด เพราะต้องทำงานแข่งกับเวลา งานแฟร์ส่วนใหญ่จะให้เวลาติดตั้งไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

สิ่งที่ทีมงานต้องทำ:

  • ประกอบโครงหลัก

  • ติดตั้งไฟ

  • ติดตั้งป้าย, โลโก้

  • วางสินค้า

  • เก็บงานละเอียด

  • เช็ดทำความสะอาด

บูธที่ดีต้องประกอบเร็ว และไม่สร้างปัญหาหน้างาน เช่น น็อตไม่พอ ไม้ไม่พอดี หรือสีเลอะ


11. ทดสอบระบบทุกอย่าง

ก่อนส่งมอบงาน ต้องตรวจสอบ:

✔ ไฟติดครบทุกดวง
✔ เคาน์เตอร์ไม่โยก
✔ ชั้นวางรับน้ำหนักได้
✔ สายไฟปลอดภัย
✔ ป้ายไฟทำงานปกติ

หากมีปัญหา ต้องแก้ไขทันทีในหน้างาน เพราะบางงานไม่อนุญาตให้ซ่อมในภายหลัง


12. ส่งมอบงานและถ่ายรูปผลงาน

หลังติดตั้งเสร็จ ควรถ่ายรูปไว้เป็น Portfolio เพื่อใช้ทำโฆษณาในอนาคต และส่งมอบงานให้ลูกค้าตรวจความเรียบร้อย


สรุป: การออกแบบบูธไม้ที่ดี ต้องละเอียดทุกขั้น

ตั้งแต่

  1. วางเป้าหมาย

  2. วัดพื้นที่

  3. ร่างแบบ

  4. ทำแบบ 3D

  5. เลือกวัสดุ

  6. ออกแบบโครงสร้าง

  7. ผลิตจริง

  8. QC

  9. ขนส่ง

  10. ติดตั้งหน้างาน

  11. ตรวจระบบและส่งมอบ

หากทุกขั้นตอนทำอย่างมืออาชีพ บูธไม้จะออกมาสวย แข็งแรง และดึงดูดลูกค้าได้อย่างยอดเยี่ยม